อบจ.ภูเก็ตทุ่มงบ 20 ล้านจ้างไลฟ์การ์ดดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวลงลงน้ำชายหาด 38 จุดทั่วทั้งจังหวัด พอใจช่วยเหลือนักท่องเที่ยวรอดชีวิตแล้วกว่า 1,000 ราย ขณะที่ยอดตายลดลงพร้อมระบุเหตุนักท่องเที่ยวจมน้ำส่วนใหญ่ใหม่ไม่เชื่อคำเตือน วอนผู้ประกอบการโรงแรมช่วย
นายสรธรรม จินดา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำตามบริเวณชายหาดต่างๆในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหลังพบที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิตจำนวนมาก ว่า อบจ.ภูเก็ตได้ให้ความสำคัญเรื่องของการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ
โดยเฉพาะเรื่องของอุบัติเหตุจากการเล่นน้ำ ซึ่งอบจ.ภูเก็ตได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 20 ล้านบาทในการจ้างไลฟ์การ์ดโดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนเม.ย 2554 -เดือนมี.ค. 2555 ดูแลความปลอดภัยบริเวณชายหาดต่างๆในภูเก็ตประกอบด้วย หาดยะนุ้ย หาดในหาน หาดกะตะน้อย หาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา แหลมสิงห์ หาดสุรินทร์ อ่าวบางเทา หาดในทอน หาดในยาง และหาดไม้ขาว รวมทั้งหมด 38 จุด โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยจุดละ 2-3 คน มีหน้าที่ในการดูแลเฝ้าระวังป้องกันและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุจมน้ำบริเวณชายหาดต่างๆ
ผลการปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจ ไลฟ์การ์ดสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุจมน้ำให้รอดชีวิตได้มากกว่า 1,000 รายแล้ว และมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจมน้ำลดลงจากรายงานทราบว่า มีผู้ประสบอุบัติเหตุจมน้ำที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน และเสียชีวิตมีประมาณ 4-5 ราย
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ปฏิบัติงานไม่ต้องการที่จะให้มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นเลย แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจมน้ำ คือ เรื่องของการไม่เชื่อฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่ และฝ่าฝืนลงเล่นน้ำในจุดที่ห้ามเล่นจึงเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุจมน้ำ ซึ่งบางวันมีผู้ประสบอุบัติเหตุจมน้ำพร้อมกันหลายราย
นายสรธรรม กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยไม่มีกฎหมายห้ามหรือบังคับไม่ให้คนลงเล่นน้ำในช่วงที่ขึ้นตกแดงทำได้เพียงแค่การห้ามปรามหรือตักเตือนเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่เชื่อฟังและยังฝ่าฝืนลงเล่นน้ำตามชายหาดต่างๆ ในช่วงที่มีคลื่นลมแรง จนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตเกิดขึ้น
ดังนั้น เพื่อช่วยกันลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุจมน้ำ จึงอยากขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงแรมต่างๆในการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักไม่ให้ลงเล่นน้ำในช่วงที่มีคลื่นลมแรงหรือช่วงที่มีการขึ้นธงแดง เพราะนักท่องเที่ยวจะฟังทางโรงแรมมากกว่าที่จะฟังเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด เชื่อว่าถ้าทุกโรงแรมทุกสถานประกอบการให้ความร่วมมือ จะสามารถช่วยลดปัญหาการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจมน้ำได้
ขณะที่ทางอบจ.ภูเก็ตได้จัดทำเอกสารแจ้งเตือนเป็นภาษาต่างๆขึ้นมาเพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปแจกให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมต่างๆได้ทราบถึงข้อตักเตือน ข้อห้ามในการลงเล่นน้ำตามชายหาดเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อตัวนักท่องเที่ยวเอง เนื่องจากชายหาดภูเก็ตนั้นมีความแตกต่างจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เนื่องจากทะเลภูเก็ตมีสภาพเป็นท้องกระทะน้ำทะเลมีลักษณะไหลเชี่ยว จึงต้องมีความระมัดระวังในการลงเล่นน้ำที่สำคัญจะต้องเชื่อฟังเจ้าหน้าที่
นายสรธรรม จินดา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำตามบริเวณชายหาดต่างๆในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหลังพบที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิตจำนวนมาก ว่า อบจ.ภูเก็ตได้ให้ความสำคัญเรื่องของการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ
โดยเฉพาะเรื่องของอุบัติเหตุจากการเล่นน้ำ ซึ่งอบจ.ภูเก็ตได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 20 ล้านบาทในการจ้างไลฟ์การ์ดโดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนเม.ย 2554 -เดือนมี.ค. 2555 ดูแลความปลอดภัยบริเวณชายหาดต่างๆในภูเก็ตประกอบด้วย หาดยะนุ้ย หาดในหาน หาดกะตะน้อย หาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา แหลมสิงห์ หาดสุรินทร์ อ่าวบางเทา หาดในทอน หาดในยาง และหาดไม้ขาว รวมทั้งหมด 38 จุด โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยจุดละ 2-3 คน มีหน้าที่ในการดูแลเฝ้าระวังป้องกันและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุจมน้ำบริเวณชายหาดต่างๆ
ผลการปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจ ไลฟ์การ์ดสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุจมน้ำให้รอดชีวิตได้มากกว่า 1,000 รายแล้ว และมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจมน้ำลดลงจากรายงานทราบว่า มีผู้ประสบอุบัติเหตุจมน้ำที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน และเสียชีวิตมีประมาณ 4-5 ราย
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ปฏิบัติงานไม่ต้องการที่จะให้มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นเลย แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจมน้ำ คือ เรื่องของการไม่เชื่อฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่ และฝ่าฝืนลงเล่นน้ำในจุดที่ห้ามเล่นจึงเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุจมน้ำ ซึ่งบางวันมีผู้ประสบอุบัติเหตุจมน้ำพร้อมกันหลายราย
นายสรธรรม กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยไม่มีกฎหมายห้ามหรือบังคับไม่ให้คนลงเล่นน้ำในช่วงที่ขึ้นตกแดงทำได้เพียงแค่การห้ามปรามหรือตักเตือนเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่เชื่อฟังและยังฝ่าฝืนลงเล่นน้ำตามชายหาดต่างๆ ในช่วงที่มีคลื่นลมแรง จนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตเกิดขึ้น
ดังนั้น เพื่อช่วยกันลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุจมน้ำ จึงอยากขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงแรมต่างๆในการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักไม่ให้ลงเล่นน้ำในช่วงที่มีคลื่นลมแรงหรือช่วงที่มีการขึ้นธงแดง เพราะนักท่องเที่ยวจะฟังทางโรงแรมมากกว่าที่จะฟังเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด เชื่อว่าถ้าทุกโรงแรมทุกสถานประกอบการให้ความร่วมมือ จะสามารถช่วยลดปัญหาการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจมน้ำได้
ขณะที่ทางอบจ.ภูเก็ตได้จัดทำเอกสารแจ้งเตือนเป็นภาษาต่างๆขึ้นมาเพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปแจกให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมต่างๆได้ทราบถึงข้อตักเตือน ข้อห้ามในการลงเล่นน้ำตามชายหาดเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อตัวนักท่องเที่ยวเอง เนื่องจากชายหาดภูเก็ตนั้นมีความแตกต่างจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เนื่องจากทะเลภูเก็ตมีสภาพเป็นท้องกระทะน้ำทะเลมีลักษณะไหลเชี่ยว จึงต้องมีความระมัดระวังในการลงเล่นน้ำที่สำคัญจะต้องเชื่อฟังเจ้าหน้าที่
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น